เช่ารถแล้วลุยน้ำท่วม: ต้องทำอย่างไรบ้าง?
อัพเดทล่าสุด: 9 ก.ย. 2025
87 ผู้เข้าชม

การขับรถในช่วงหน้าฝนนั้น สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยคือการเจอน้ำท่วมขังบนถนน ซึ่งหากเป็นรถของเราเองก็ยังพอทำใจได้ แต่ถ้าเป็นรถเช่าล่ะ? จะต้องทำอย่างไร? บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนที่ถูกต้องเมื่อคุณจำเป็นต้องขับรถเช่าลุยน้ำท่วม เพื่อลดความเสียหายและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ
1. ประเมินระดับน้ำและหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้
ก่อนตัดสินใจลุยน้ำ ควร ประเมินระดับความลึกของน้ำ ก่อนเสมอ หากน้ำท่วมสูงเกินครึ่งล้อ หรือระดับความสูงของท่อไอเสีย ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นๆ โดยเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่น้ำจะเข้าสู่เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าของรถ หากมีทางเลี่ยง ควรเลือกทางเลี่ยงเสมอ
2. ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและคงที่
หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ให้ ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุด (ประมาณ 10-20 กม./ชม.) และพยายาม ใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 หรือ L) เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ การขับเร็วจะทำให้น้ำกระเด็นเข้าสู่ห้องเครื่องและท่อไอเสียได้ง่ายขึ้น
3. ไม่หยุดรถกลางน้ำ
พยายาม อย่าหยุดรถกลางแอ่งน้ำ โดยเด็ดขาด เพราะน้ำอาจไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือระบบอื่นๆ ได้ง่ายกว่าขณะรถเคลื่อนที่ หากจำเป็นต้องหยุด ให้พยายามหาจุดที่น้ำตื้นที่สุด
4. หลีกเลี่ยงรถคันอื่น
พยายาม เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากพอ และหลีกเลี่ยงการขับรถตามหลังรถคันใหญ่ เช่น รถเมล์ หรือรถบรรทุก เพราะคลื่นน้ำที่เกิดจากรถคันใหญ่อาจทำให้น้ำไหลเข้าสู่รถของคุณได้ง่ายขึ้น
5. หลังจากพ้นน้ำท่วมขัง
เมื่อขับรถพ้นจากบริเวณน้ำท่วมขังแล้ว ให้ ค่อยๆ ย้ำเบรกเบาๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกและตรวจสอบประสิทธิภาพของเบรก หากรู้สึกว่าเบรกมีอาการผิดปกติ เช่น เบรกลึก หรือเบรกไม่ค่อยอยู่ ควรจอดรถข้างทางและติดต่อบริษัทรถเช่าทันที
6. ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น
หลังจากลุยน้ำ ให้จอดรถในที่ปลอดภัยและ ตรวจสอบความผิดปกติเบื้องต้น เช่น มีไฟเตือนบนหน้าปัดขึ้นหรือไม่? มีเสียงเครื่องยนต์ผิดปกติหรือไม่? หรือมีกลิ่นไหม้ผิดปกติหรือไม่? หากพบความผิดปกติใดๆ ห้ามพยายามขับรถต่อเด็ดขาด ให้ติดต่อบริษัทรถเช่าเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
7. ติดต่อบริษัทรถเช่าทันที
ไม่ว่าคุณจะแน่ใจว่ารถไม่เป็นอะไรหรือไม่ก็ตาม ควรรีบติดต่อบริษัทรถเช่าทันที เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแจ้งข้อมูลที่รวดเร็วและครบถ้วนจะช่วยให้บริษัทสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการรักษาสิทธิ์ของคุณตามสัญญาเช่ารถอีกด้วย
การขับรถลุยน้ำท่วมนั้นมีความเสี่ยงเสมอ โดยเฉพาะกับรถเช่า การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยลดความเสียหายและทำให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีสติครับ
1. ประเมินระดับน้ำและหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้
ก่อนตัดสินใจลุยน้ำ ควร ประเมินระดับความลึกของน้ำ ก่อนเสมอ หากน้ำท่วมสูงเกินครึ่งล้อ หรือระดับความสูงของท่อไอเสีย ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นๆ โดยเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่น้ำจะเข้าสู่เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าของรถ หากมีทางเลี่ยง ควรเลือกทางเลี่ยงเสมอ
2. ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและคงที่
หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ให้ ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุด (ประมาณ 10-20 กม./ชม.) และพยายาม ใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 หรือ L) เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ การขับเร็วจะทำให้น้ำกระเด็นเข้าสู่ห้องเครื่องและท่อไอเสียได้ง่ายขึ้น
3. ไม่หยุดรถกลางน้ำ
พยายาม อย่าหยุดรถกลางแอ่งน้ำ โดยเด็ดขาด เพราะน้ำอาจไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือระบบอื่นๆ ได้ง่ายกว่าขณะรถเคลื่อนที่ หากจำเป็นต้องหยุด ให้พยายามหาจุดที่น้ำตื้นที่สุด
4. หลีกเลี่ยงรถคันอื่น
พยายาม เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากพอ และหลีกเลี่ยงการขับรถตามหลังรถคันใหญ่ เช่น รถเมล์ หรือรถบรรทุก เพราะคลื่นน้ำที่เกิดจากรถคันใหญ่อาจทำให้น้ำไหลเข้าสู่รถของคุณได้ง่ายขึ้น
5. หลังจากพ้นน้ำท่วมขัง
เมื่อขับรถพ้นจากบริเวณน้ำท่วมขังแล้ว ให้ ค่อยๆ ย้ำเบรกเบาๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกและตรวจสอบประสิทธิภาพของเบรก หากรู้สึกว่าเบรกมีอาการผิดปกติ เช่น เบรกลึก หรือเบรกไม่ค่อยอยู่ ควรจอดรถข้างทางและติดต่อบริษัทรถเช่าทันที
6. ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น
หลังจากลุยน้ำ ให้จอดรถในที่ปลอดภัยและ ตรวจสอบความผิดปกติเบื้องต้น เช่น มีไฟเตือนบนหน้าปัดขึ้นหรือไม่? มีเสียงเครื่องยนต์ผิดปกติหรือไม่? หรือมีกลิ่นไหม้ผิดปกติหรือไม่? หากพบความผิดปกติใดๆ ห้ามพยายามขับรถต่อเด็ดขาด ให้ติดต่อบริษัทรถเช่าเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
7. ติดต่อบริษัทรถเช่าทันที
ไม่ว่าคุณจะแน่ใจว่ารถไม่เป็นอะไรหรือไม่ก็ตาม ควรรีบติดต่อบริษัทรถเช่าทันที เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแจ้งข้อมูลที่รวดเร็วและครบถ้วนจะช่วยให้บริษัทสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการรักษาสิทธิ์ของคุณตามสัญญาเช่ารถอีกด้วย
การขับรถลุยน้ำท่วมนั้นมีความเสี่ยงเสมอ โดยเฉพาะกับรถเช่า การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยลดความเสียหายและทำให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีสติครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
การเช่ารถ 7 ที่นั่งอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X คือตัวเลือกหลักสำหรับทริปกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความอุ่นใจในการขับขึ้นดอยสูงในเชียงใหม่
หลายครั้งที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเชียงใหม่ 5-6 คน มักจะลังเลว่าจะเช่ารถ 5 ที่นั่งขนาดใหญ่ดี หรือยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเช่ารถ 7 ที่นั่ง
เทศกาลลอยกระทง (ยี่เป็ง) แม้จะสวยงามด้วยแสงไฟจากโคมลอยและพลุ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ความเสี่ยงที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น


