ข้อควรรู้สำหรับขับรถเที่ยวหน้าฝน: เตรียมรถและรับมืออย่างไร
อัพเดทล่าสุด: 9 ก.ย. 2025
49 ผู้เข้าชม

การขับรถในช่วงหน้าฝนนั้นต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะถนนที่เปียกและทัศนวิสัยที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สำหรับมือใหม่ที่กำลังวางแผนเช่ารถเที่ยวหน้าฝน ลองมาดูข้อควรรู้เหล่านี้เพื่อเตรียมความพร้อมและขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
1. ตรวจสอบยางรถยนต์
ยางรถยนต์ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการยึดเกาะถนน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ดอกยางยังมีความลึกเพียงพอ และไม่มีรอยแตกร้าว เพราะดอกยางที่สึกจะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplaning)
2. เช็คระบบไฟส่องสว่าง
หน้าฝนมักมาพร้อมกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฟหน้า, ไฟท้าย, และไฟเลี้ยว ทำงานได้ปกติเสมอ หากขับขี่ในช่วงฝนตกหนักหรือหมอกลงจัด ควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับทั้งตัวคุณเองและผู้ร่วมใช้ถนน
3. ลดความเร็วและเว้นระยะห่าง
บนถนนที่เปียก ความสามารถในการเบรกจะลดลง ควร ลดความเร็วลงจากปกติ และ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการเบรกหรือแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
4. ควบคุมพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล
การเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหันบนถนนที่เปียกอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ ควร บังคับพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล และหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน
5. รับมือเมื่อรถเหินน้ำ
หากรถมีอาการเหินน้ำ (รู้สึกเหมือนพวงมาลัยเบาหวิวและควบคุมรถไม่ได้) สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ลดคันเร่งและจับพวงมาลัยให้นิ่ง อย่าเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถหมุนได้ รอให้รถกลับมาสัมผัสกับถนนปกติแล้วจึงค่อยๆ ควบคุมรถต่อไป
6. หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขัง
หากพบเห็นน้ำท่วมขังบนถนน ควร หลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุดเพื่อป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าของรถ
การเตรียมความพร้อมและขับขี่อย่างระมัดระวังจะช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยและสนุกสนานตลอดหน้าฝนครับ
1. ตรวจสอบยางรถยนต์
ยางรถยนต์ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการยึดเกาะถนน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ดอกยางยังมีความลึกเพียงพอ และไม่มีรอยแตกร้าว เพราะดอกยางที่สึกจะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplaning)
2. เช็คระบบไฟส่องสว่าง
หน้าฝนมักมาพร้อมกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฟหน้า, ไฟท้าย, และไฟเลี้ยว ทำงานได้ปกติเสมอ หากขับขี่ในช่วงฝนตกหนักหรือหมอกลงจัด ควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับทั้งตัวคุณเองและผู้ร่วมใช้ถนน
3. ลดความเร็วและเว้นระยะห่าง
บนถนนที่เปียก ความสามารถในการเบรกจะลดลง ควร ลดความเร็วลงจากปกติ และ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการเบรกหรือแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
4. ควบคุมพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล
การเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหันบนถนนที่เปียกอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ ควร บังคับพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล และหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน
5. รับมือเมื่อรถเหินน้ำ
หากรถมีอาการเหินน้ำ (รู้สึกเหมือนพวงมาลัยเบาหวิวและควบคุมรถไม่ได้) สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ลดคันเร่งและจับพวงมาลัยให้นิ่ง อย่าเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถหมุนได้ รอให้รถกลับมาสัมผัสกับถนนปกติแล้วจึงค่อยๆ ควบคุมรถต่อไป
6. หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขัง
หากพบเห็นน้ำท่วมขังบนถนน ควร หลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุดเพื่อป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าของรถ
การเตรียมความพร้อมและขับขี่อย่างระมัดระวังจะช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยและสนุกสนานตลอดหน้าฝนครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
การเช่ารถ 7 ที่นั่งอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X คือตัวเลือกหลักสำหรับทริปกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความอุ่นใจในการขับขึ้นดอยสูงในเชียงใหม่
หลายครั้งที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเชียงใหม่ 5-6 คน มักจะลังเลว่าจะเช่ารถ 5 ที่นั่งขนาดใหญ่ดี หรือยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเช่ารถ 7 ที่นั่ง
เทศกาลลอยกระทง (ยี่เป็ง) แม้จะสวยงามด้วยแสงไฟจากโคมลอยและพลุ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ความเสี่ยงที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น


